“เหนือปากหราม” คือชื่อดั้งเดิมของ “ชุมชนพรหมโลก” ชุมชนท่องเที่ยวของเมืองต้องห้ามพลาด “นครศรีธรรมราช” ที่ไม่เพียงเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการสัมผัสวิถีชีวิตอย่างใกล้ชิด
หากแต่ยังโด่งดังไปถึงแถบยุโรปที่ผมจองคิวล่วงหน้าเพียงเพื่อจะได้มานอนโฮมสเตย์ ลิ้มลองอาหารถิ่น และเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวพรหมโลก ที่ผูกพันกับผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์บนเทือกเขาสูงและสายน้ำที่โอบล้อมอย่างกลมกลืน
เหตุผลที่ได้ชื่อแปลกสำหรับคนต่างถิ่นในอดีตนั้นเป็นเพราะในแถบนี้ชาวบ้านมีการปลูกพลูไว้กินกับหมากเป็นจำนวนมาก โดยคนใต้จะเรียกคนที่กินหมากจนปากแดงว่า “ปากหราม” จึงทำให้เป็นที่มาของชื่อ แต่ต่อมาเปลี่ยนชื่อตาม “ขุนพรหมโลก” ผู้ปกครองพื้นที่แห่งนี้
มาเยือนชุมชนพรหมโลกแล้วจะได้สัมผัสกับอะไรบ้าง แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงชุมชน “น้ำตกพรหมโลก” น้ำตกขนาดใหญ่ในเขต อ.พรหมคีรี ซึ่งมีทั้งหมดถึง 50 ชั้น แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียง 4 ชั้น โดยมีเอกลักษณ์เป็นลานหินกว้าง ขณะที่ “วังปลาแงะ” เป็นธารน้ำใสที่ไหลมาจากเทือกเขาหลวงมีสันเขื่อนขนาดย่อมที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างไว้ให้รถราสัญจรไปมาได้ ไม่เพียงเป็นวังปลาอนุรักษ์แต่ยังสามารถลงเล่นน้ำได้ด้วย โดยมีไอศกรีมมะพร้าวส่งตรงจากสวนมาช่วยคลายร้อน
“ระบายผ้าบาติก” เป็นอีกกิจกรรมที่ผู้มาเยือนจะได้ลงมือทำด้วยตัวเองพร้อมได้รับกลับไปเป็นของที่ระลึกชิ้นเดียวในโลก และห้ามพลาดการไปสักการะอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราชที่ “วัดเขาขุนพนม” ที่เชื่อกันว่ามีถ้ำที่เคยเป็นที่ประทับหลังทรงเปลี่ยนพระองค์กับญาติหรือทหารคนสนิทแล้วเสด็จฯ มาทรงผนวชและบำเพ็ญภาวนาที่นี่จนเสด็จสวรรคต
อีกอย่างที่ถูกใจทุกคนที่มาเยือนโดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลแห่งผลไม้ก็คือ “สวนสมรม” สวนผลไม้ผสมผสานซึ่งมีพืช 4 ชนิดอยู่รวมกันกับผืนป่าอย่างกลมกลืน ได้แก่ พืชที่ชอบแสงแดดอย่างทุเรียน ไม้ยืนต้นอย่าง เงาะและมังคุด ไม้พุ่มเตี้ยอย่างกล้วย และพืชคลุมดินอย่างผักกูด
จากป่าออกไปสู่เขตชายทะเล ณ “ชุมชนบ้านแหลม” ชุมชนมุสลิมเล็ก ๆ ใน อ.ท่าศาลา ที่เจ้าถิ่นมักบอกกับใคร ๆ ว่า ที่นี่ไม่มีอะไร มีแค่ป่าชายเลนเขียวชอุ่มที่ขึ้นแน่นเป็นแนวยาว มีแค่อ่าวทองคำที่ใต้พื้นทะเลเป็นโคลนบริสุทธิ์ มีแค่อาหารทะเลทั่ว ๆ ไปที่จับได้เต็มอวนทุกวัน มีแค่กลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนที่ช่วยกันปลูกป่าทุกปี และมีแค่วิถีชีวิตพื้นบ้านหลากหลายที่แตกต่างกันไป
คำว่า “มีแค่” ของชาวบ้านกลับเป็นสิ่งที่ผู้มาเยือนอยากจะมีโอกาสมาสัมผัสสักครั้งหนึ่ง เพราะ “โคลนบ้านแหลม” นั้นอุดมไปด้วยแร่ธาตุเนื่องจากพื้นที่โดยรอบอ่าวเป็นป่าใหญ่เกือบ 5,000 ไร่ ไม่มีโรงงาน บ้านเรือนไม่หนาแน่น จึงทำให้อ่าวทองคำเป็นที่กักเก็บแร่ธาตุชั้นดี เพียงดำน้ำลงไปเกือบมิดศอกแล้วควักโคลนขึ้นมาจะได้โคลนสีเทาเข้มเนื้อเนียนละเอียดที่สามารถนำมาพอกหน้าและตัวได้
แล้วไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ป่าชายเลนด้วยการ “ปลูกป่าชายเลน” ที่ชาวบ้านร่วมกันฟื้นฟูพื้นที่รกร้างจากการทำนากุ้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่จุดประกายความคิดการท่องเที่ยวของชุมชนบ้านแหลม เพราะป่าชายเลนทำให้แหล่งอาหารอันอุดมกลับคืนมา และหนึ่งในผลพลอยได้จากป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ก็คือเมนู “ใบโกงกางชุบแป้งทอด” ที่ชาวบ้านเคยไปลิ้มลองจากที่อื่นมาแล้วเห็นว่าต้นโกงกางขึ้นแน่นขนัดอยู่นั้นก็น่าจะนำมาใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน โดยเก็บใบมาชุบแป้งทอดแล้วดัดแปลงให้มีหน้าต่าง ๆ เพิ่มขึ้นทั้งหน้ากุ้งและหน้าปลา จิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ดสูตรบ้านแหลม
นอกจากป่าและทะเลแล้ว นครศรีฯ ยังมีดีที่งานศิลป์ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโลก “ถมนคร” อันเลื่องชื่อ ณ นครหัตถกรรม เรียนรู้วิชาเครื่องถมจากช่างศิลป์คู่แผ่นดิน ผู้อุทิศชีวิตและจิตวิญญาณให้งานศิลป์ชั้นสูงแห่งเมืองคอนอย่าง ครูนิคม นกอักษร ช่างถมเงินปากพนัง ประธานกลุ่มนครหัตถกรรม จากพรสวรรค์ที่มีมาตั้งแต่เด็กมาสู่ปรมาจารย์ผู้สืบสานงานหัตถศิลป์ให้อยู่คู่แผ่นดิน พร้อมตามหาความหมายของสัญลักษณ์ “นะโม” เครื่องรางของขลังชาวเมืองคอนที่เชื่อว่าช่วยให้แคล้วคลาดจากภัยอันตราย
เรียนรู้ศิลปะการเล่นเงา ณ “บ้านหนังตะลุงสุชาติ ทรัพย์สิน” กับ อ.สุชาติ ทรัพย์สิน นายหนังตะลุงฝีมือดีแห่งเมืองคอนผู้มีพรสวรรค์ทางด้านการวาดรูป เขียนลายไทย แกะหนัง ไปจนถึงแต่งบทกลอนบทนิยายหนังตะลุงมาตั้งแต่เด็ก เรียนรู้ขั้นตอนกว่าจะมาเป็นหนังตะลุงแล้วลงมือทำพร้อมลองเชิดหนัง ส่วนพิพิธภัณฑ์หนังตะลุงที่เกิดจากพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ว่า “อย่าหวงวิชา พยายามถ่ายทอด เพราะการรักษาวัฒนธรรมคือการรักษาชาติ”
และห้ามพลาดเมื่อมาถึงนครศรีธรรมราช กับการแวะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวนครศรีธรรมราช ณ “วัดพระมหาธาตุวรวิหาร” ที่ได้รับการขนามนามว่า “พระธาตุทองคำ” เพราะยอดปลายพระบรมธาตุเจดีย์ที่หุ้มด้วยทองคำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์จะยิ่งกลายเป็นสีทองเหลืองอร่าม
โลคอล อไลค์ (Local Alike) ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนไปท่องเที่ยวชุมชนเมืองใต้ ในแคมเปญ “นครศรีฯ มี ไหร นิ” พาไปจังหวัดนครศรีธรรมราชกับ 3 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนที่จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืมกับความน่ารักของคนนคร อาหารใต้แสนอร่อย พร้อมธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ในแบบที่หลายคนคาดไม่ถึง ได้แก่ เส้นทางนครศรีฯ มีศิลป์, เส้นทางนครศรีฯ มีสีเขียว และ เส้นทางนครศรีฯ มีสปาโคลน
เข้าใจและสัมผัสเมืองนครให้มากขึ้น และกลับไปพร้อมความประทับใจได้ โดยโปรแกรมนครศรีธรรมราช เริ่มต้นเพียง 1,500 บาท โปรแกรมเที่ยวหนึ่งวัน พิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC เมื่อซื้อทริป “นครศรีฯ มี ไหร นิ” รับส่วนลด 10% ทันที สามารถอ่านรายละเอียดโปรแกรมเพิ่มเติมและจองตามวัน-เวลาที่สะดวกได้ผ่าน www.localalike.com
สายลุยเตรียมพร้อมก่อนไป “เดินป่า” อ่านจบรู้เรื่อง