บทอนุโมทนาของพระสงฆ์ที่เราย่อมจะได้ยินกันอยู่เสมอในงานบุญ คือ พร 7 ประการ ในบทว่า
อายุวัฑฒะโก ธะนะวัฑฒะโก สิริวัฑฒะโก ยะสะวัฑฒะโก พะละวัฑฒะโก วัณณะวัฑฒะโก สุขะวัฑฒะโก
คำแปล: จงเป็นผู้เจริญอายุ เจริญทรัพย์ เจริญศรี เจริญยศ เจริญกำลัง เจริญวรรณะ เจริญสุข ทุกเมื่อเทอญ มาทำความเข้าใจความหมายของพรกันครับ
พรที่ 1 อายุวัฑฒะโก แปลว่าขอให้เจริญด้วยอายุ คือ อย่ามีอายุสั้นพลันตาย ให้มีอายุ ยืน ๆ ทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้มีอายุยืน ในทางพระพุทธศาสนา พระผู้มีพระภาคเจ้าเคยตรัสตอบปัญหาของสุภมาณพบุตรของโตเทยพราหมณ์ข้อหนึ่งว่า คนที่จะมีอายุยืนได้นั้นมันเกี่ยวข้องกับกรรมเก่าด้วย เช่น ในอดีตชาติฆ่าสัตว์ตัดชีวิตสัตว์อื่น ๆ มาหรือไม่ ? ถ้าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตสัตว์อื่นมามากในปัจจุบันชาติกรรมก็มาบันดาลตัดรอนให้อายุสั้นพลันตาย แต่ถ้าบาปเก่าไม่มีซ้ำเติมก็จะเป็นผู้มีบุญ คืออายุยืน
พรที่ 2 ธะนะวัฑฒะโก แปลว่าขอให้เจริญด้วยทรัพย์ ทุกคนปรารถนาต้องการมีชีวิตดีๆ ด้วยกันไม่มีใครที่จะปรารถนาอยากจะลำบาก ไหว้พระกราบพระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ครั้งใด ก็มักจะอธิษฐานปรารถนาแต่สิ่งที่ต้องการ
หลักธรรม ควรแก่การดำเนินชีวิต (หัวใจเศรษฐี) คือ 1. ขยันหมั่นเพียร 2. รักษาดี 3. มีกัลยาณมิตร 4. เลี้ยงชีวิตเหมาะสม
ขยันหานั้น คือ ขยันทำมาหากิน บางคนขยันกิน ไม่ขยันหามันก็เลยเกิดปัญหา หามาได้แล้วต้องรู้จักรักษา นอกจากรักษาดีแล้วก็ต้องรู้จักใช้ รู้จักขวนขวายสร้างบุญสร้างกุศล มีกัลยาณมิตร (มีเพื่อน) ที่ดี คือว่า เป็นผู้ประพฤติอยู่ในศีลธรรม รู้จักควรแก่ความเหมาะสมแก่ฐานะของตน
พรที่ 3 สิริวัฑฒะโก แปลว่าขอให้เจริญด้วยสิริมงคล ทำอย่างไร จึงเจริญด้วยมงคล
สิริมงคล แปลว่า สิ่งที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น งอกงามขึ้น เหมือนต้นไม้ได้ปุ๋ย คนที่มีสิริวัฑฒะโก ต้องเป็นคนที่คิดดี พูดดี ทำดี คนคิดดี พูดดี ทำดีเป็นสิริมงคลแก่ตน ถ้าคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี สิริมงคลก็หาได้ยาก มีแต่อัปมงคล เมื่อสิริมงคลของตนเกิดแล้วก็จะเป็นที่รักใคร่ของบุคคลอื่นผู้พบเห็น
พรที่ 4 ยะสะวัฑฒะโก แปลว่าขอให้เจริญด้วยยศ ยศก็เป็นอย่างหนึ่งที่ทุกคนปรารถนาไม่ว่าจะ รับราชการหรือไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม ก็มีความปรารถนากันโดยส่วนมาก เพราะคำว่า ยศ แปลว่า ยิ่ง แปลว่า ใหญ่ ใครมียศหากสำคัญว่ายิ่งใหญ่เหนือกว่าคนอื่นใช้อำนาจไปทางผิดๆมักก่อให้เกิดโทษแก่ตนเอง และบุคคลรอบข้าง ยศนั้นมีอยู่สองฝ่ายมีทั้งฝ่ายดีทั้งฝ่ายชั่ว
ยศฝ่ายดีมี สาม
1. อิสสริยยศ ความเป็นใหญ่ยิ่ง ต้องเป็นการพระราชทานจากพระมหากษัตริย์
2. เกียรติยศ เกียรติยศนี้สังคมเป็นผู้มอบให้ เกิดจากความดีที่เราได้ทำ เกิดจากประโยชน์ ที่เราได้สร้าง
3. บริวารยศ อันนี้ผู้น้อยให้ มีมิตรมีบริวารมาก “บริวารมาเพราะน้ำใจมี บริวารหนีเพราะน้ำใจลด บริวารหมดเพราะน้ำใจแห้ง”
มีอิสริยยศ ย่อมจะชนะอุปสรรค, มีเกียรติยศย่อมชนะภัย, มีบริวารยศ ย่อมชนะงาน
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสถึง เหตุของยศไว้ว่า คนจะมียศได้ต้องมีคุณธรรมสำคัญ 7 ประการ คือ
อุฏฐานะวะโต คือเป็นผู้แข็งขันขยันในการงาน
สะตีมะโต ทำงานด้วยความระมัดระวังคือเป็นผู้มีสติ
สุจิกัมมัสสะ เป็นผู้มีการงานบริสุทธิ์สะอาด
นิสัมมะการิโน ใคร่ครวญตรวจสอบก่อนแล้วจึงทำ
สัญญะตัสสะ จะ เป็นผู้มีปกติสำรวม
ธัมมะชีวิโน ประพฤติตนตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรมโดยปรกติ
อัปปะมัตตัสสะ เป็นผู้ไม่ประมาท
ยะโสภิวัฑฒะติ นี่แหละ ยศจะเจริญยิ่ง
พรที่ 5 พะละวัฑฒะโก แปลว่าขอให้เจริญด้วยพละกำลัง ทุกคนปรารถนาให้ตนมีกำลังกาย และกำลังใจที่ดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อคราวอายุมากขึ้นความไม่เที่ยงของสังขาร (อนิจจัง)ก็เกิดขึ้น จะลุกก็โอย จะนั่งก็โอย เป็นสภาพธรรมโดยแน่แท้ ฉะนั้นทุกท่านจึงปรารถนาว่าขอให้มีกำลังแข็งแรง ไม่ป่วย ไม่ไข้
พรที่ 6 วัณณะวัฑฒะโก แปลว่าขอให้เจริญด้วยวรรณะ คำว่า “วรรณะ” หมายเอาผิวพรรณก็ใช่ คำกล่าวสรรเสริญก็ด้วย
พรที่ 7 สุขะวัฑฒะโก แปลว่าขอให้เจริญด้วยความสุข อุดมด้วยความสุข ทุกคนปรารถนาก็คือความสุขกาย และสุขใจ สุขกาย…ต้องการมีความเป็นอยู่ที่ดีๆ ของอิริยาบถต่างๆทุกขณะ และ ความไม่มีโรคภัยเบียดเบียน สุขใจ เพราะปราศจากกิเลสเบียดเบียน
ต้นฉบับ :เด็กวัด
สายลุยเตรียมพร้อมก่อนไป “เดินป่า” อ่านจบรู้เรื่อง