“วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร” หรือ วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร ตั้งอยู่ ถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นศาสนสถานสำคัญทางพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทลังกาวงศ์ บนคาบสมุทรมลายู ตั้งอยู่บนสันทรายโบราณนครศรีธรรมราชซึ่งเรียกว่า “หาดทรายแก้ว” อันเป็นเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชปัจจุบัน
พระวิหารหลวง หมายถึง วิหารหลังใหญ่ หรืออีกนัยหนึ่งคือวิหารที่เป็นของกลาง เนื่องจากแต่เดิม วัดพระมหาธาตุเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา วิหารหลังนี้จึงเป็นของส่วนรวมที่ใช้ประกอบพิธีกรรมร่วมกัน ต่อมาจึงได้ แปลงเป็น “พระอุโบสถ” แต่ผู้คนยังนิยมเรียกพระวิหารหลวงอยู่เช่นเดิม ในตำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราชกล่าวว่า พระวิหารหลวง
สร้างโดยพระศรีมหาราชา เมื่อมหาศักราช 1550 (พ.ศ. 2171) ในสมัยแรกสร้างนั้นเป็นพระเจดีย์วิหารสูง 7 วา และสร้างรุ่นราวคราวเดียวกับวิหารธรรมศาลา สภาพปัจจุบันเป็นวิหารขนาด 13 ห้อง ลักษณะแบบผนังรับน้ำหนัก ซึ่งเดิมน่าจะออกแบบสร้างเป็นอาคารจตุรมุข ส่วนลักษณะอาคารที่เป็นมุขประเจิด และส่วนฐานแอ่นโค้งก็กำหนดอายุได้ในช่วงอยุธยาตอนกลาง – ตอนปลาย ประมาณพุทธศตวรรษที่ 21-23 ซึ่งสอดคล้องกับผลการขุดค้นทางโบราณคดี ที่มีการกำหนดอายุโบราณวัตถุ (อิฐฐานรากอาคาร) ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่ได้ค่าอายุประมาณครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 21
พระวิหารหลวง ได้เรียกกันเช่นนี้ก็เพราะถือว่าวิหารนี้เป็นของกลางที่พุทธศาสนิกชนทุกหนทุกแห่งมีสิทธิ์ใช้ร่วมกัน ในสมัยแรกพระสงฆ์ไม่ได้จำพรรษาที่วัดพระมหาธาตุ แต่จำพรรษาที่วัดอื่น ๆ ซึ่งอยู่รอบวัดพระมหาธาตุ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะต้องการให้วัดพระมหาธาตุเป็นของส่วนกลางจริง ๆ
ดังนั้นวิหารซึ่งมีมาแต่เดิมและใช้ประกอบพิธีสักการบูชาพระบรมธาตุร่วมกันนี้จึงเรียกกันว่าพระวิหารหลวง ต่อมาได้มีการดัดแปลงพระวิหารหลวงเป็นอุโบสถ แต่ผู้คนก็ยังเรียกพระวิหารหลวงอยู่เช่นเดิม หาได้เรียกพระอุโบสถไม่ พระวิหารหลวงอยู่ทางด้านใต้ของพระบรมธาตุเจดีย์ อยู่ภายนอกเขตของพระระเบียงคด ถือเป็นพระอุโบสถของวัดพระมหาธาตุ
พระพุทธรูปซึ่งเป็นพระประธานในวิหารนี้ชื่อว่า “พระศรีศากยมุนีศรีธรรมราช” (พระนั่งวัดมหาธาตุนครศรีธรรมราช) ทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ ก่ออิฐถือปูนลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตักกว้าง 3 วา 1 ศอก 12 นิ้ว 5 วา ประทับนั่งเป็นประธานในวิหารหลวง เป็นพระคู่บ้าน-คู่เมือง คู่เมืองนครศรีธรรมราช ค้ำฟ้า คู่กับพระบรมธาตุเจดีย์มาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เป็นพระพุทธรูปนั่งขนาดใหญ่ ปางมารวิชัย ที่มีพุทธลักษณะที่งดงาม องค์พระประทับนั่งแย้มยิ้มพระโอษฐ์ แผ่อานุภาพให้ลืมความทุกข์โศกด้วยสายพระเนตรที่ทอดลงที่เปี่ยมด้วยเมตตาปราณีบังเกิดความสุขสงบร่มเย็น ทั้งนี้เบื้องหน้าพระศรีศากยมุนีศรีธรรมราช ประทับนั่งเป็นประธานในวิหารหลวง มีพระพุทธสาวกซ้ายขวา คือพระโมคคัลลาน์ และพระสารีบุตร ประทับนั่งอยู่ด้านซ้ายขวา นอกจากนี้ ยังมีพระพุทธรูปยืนพระพุทธรูปปางต่างๆอีกหลายองค์
มีตำนานเล่าว่าเมื่อครั้งที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เสด็จพระราชดำเนินมายังเมืองนครศรีธรรมราช ทรงขอพระพุทธสิหิงค์จากพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ก่อนเสด็จฯ กลับกรุงสุโขทัยได้ทำสัญญาท้าสร้างพระพุทธรูปแข่งกัน โดยให้เริ่มสร้างพร้อมกัน เสร็จพร้อมกัน และให้ชื่อเหมือนกันว่า พระศรีศากยมุนี พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เสด็จฯกลับถึงกรุงสุโขทัยแล้วทั้งสองอาณาจักรสร้างพระพุทธรูปดูฤกษ์ดูยามเริ่มก่อสร้างในวันเวลาเดียวกัน
แต่พระศรีศากยมุนีฯ เมืองนครศรีธรรมราช สร้างได้ใหญ่โตกว่าของกรุงสุโขทัย และชาวนครศรีฯ ถวายนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า พระศรีศากยมุนีศรีธรรมราช
อีกตำนานหนึ่งสันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในช่วงที่ “พระพนมวัง” ได้พระพุทธรูปองค์นี้ว่า รับแต่งตั้งจาก พระบรมไตรโลกนาถ ให้มารับตำแหน่งเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ในฐานะหัวเมืองเอกแห่งกรุงศรีอยุธยา ตามกฎหมายศักดินาพลเรือนและกฎหมายศักดินาทหารหัวเมืองพระพนมวัง จึงเข้ามาจัดสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ดังความในตำนานเมืองนครตอนหนึ่งว่า
“พระเจ้าอยู่หัวให้สร้างป่าให้เป็นนาจงทุกตำบล ให้ข้าวแก่คนอันอยู่ ณ เขาให้ออกมาทำไร่และเป็นฐิ่นฐานที่อยู่ให้มีชื่อตำบล ให้สร้างพระพุทธรูปอันใหญ่อันราม แลสร้างไพหารค่อมไว้ และให้พนมวังกฎหมายไว้….”
พระศรีศากยมุนีศรีธรรมราช แม้จะเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ประดิษฐานในพระวิหารใหญ่โต ลำดับต้นๆ ของประเทศ แต่มีคนรู้จักพระนามของท่านน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับพระพุทธรูปองค์อื่นๆ ที่มีขนาดย่อมกว่า หากได้มาเยือนวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ควรเข้าไปสักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
สายลุยเตรียมพร้อมก่อนไป “เดินป่า” อ่านจบรู้เรื่อง