อยากกินผลไม้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องระดับน้ำตาล ควรเลือกกินผลไม้อะไรดี ลองดูลิสต์ผลไม้น้ำตาลน้อยตามนี้
โดยทั่วไปร่างกายควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 24 กรัมต่อวัน หรือเทียบได้กับน้ำตาล 6 ช้อนชา แต่ถ้าเป็นเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ ควรบริโภคน้ำตาลน้อยกว่านี้ คือไม่เกิน 16 กรัมต่อวัน หรือ 4 ช้อนชา แต่เชื่อว่าทุกวันนี้ หลายคนได้รับน้ำตาลจากเครื่องดื่ม อาหาร และขนมในปริมาณเกินความต้องการ จนนำไปสู่โรคอ้วนและโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้ ดังนั้นการกินผลไม้ที่มีน้ำตาลแฝงอยู่อาจเป็นความกังวลของใครหลายคนไปโดยปริยาย และยังทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาด้วยว่า ผลไม้น้ำตาลน้อยมีอะไรบ้างที่เราสามารถเลือกรับประทานได้ในปริมาณที่เหมาะสมโดยไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำตาลมากเกินไป
1. แอปเปิลเขียว
มีคำกล่าวที่ว่า “An apple a day keeps the doctor away” คือการกินแอปเปิ้ลวันละ 1 ลูก ช่วยให้ห่างไกลจากหมอได้ แอปเปิลเขียวมีสารคลอโรฟิลล์ สารลูทีน ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็ง ลดความเสื่อมของจอประสาทตา โดยแอปเปิลเขียว 100 กรัม (3/4 ผลเล็ก) มีน้ำตาล 1.9 ช้อนชา หรือ 7.6 กรัม ให้พลังงาน 52 กิโลแคลอรี นับเป็นผลไม้น้ำตาลน้อยและแคลอรี่ต่ำแล้ว ยังมีวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และมีกากใยสูง ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย
2. ชมพู่
ชมพู่เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย และช่วยเรื่องระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี เพราะมีเส้นใยอาหารทั้งแบบละลายน้ำได้และไม่ได้ ทั้งยังมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ ตลอดจนมีสรรพคุณในการลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงโรคไขมันอุดตันเส้นเลือด ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และโรคหัวใจได้อีกด้วย
3. ฝรั่ง
อย่างที่หลายคนทราบกันว่าฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก จึงช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานแก่ร่างกาย ให้ห่างไกลจากโรคหวัด ลักปิดลักเปิด ทั้งยังช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ลดไขมันในเส้นเลือด และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย และลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง
4. แก้วมังกร
แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลลในเลือด และยังเป็นตัวช่วยในการบำรุงผิวพรรณที่ดี ทำให้ผิวกระจ่างใสและลดการเกิดสิว นอกจากนี้ ยังช่วยต้านการอักเสบและบรรเทาอาการปวดข้อ
5. มะละกอ
มะละกอมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยบำรุงร่างกาย ผิวพรรณ ตลอดจนระบบประสาทและสมอง สำหรับใครที่มีปัญหาขับถ่ายไม่สะดวก ก็สามารถกินมะละกอสุก ที่มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆได้
6. สับปะรด
การกินสับปะรดหลังมื้ออาหารจะช่วยให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น เพราะมีความเป็นกรดและมีเอนไซม์บรอมมีเลน ที่มีฤทธิ์ในการย่อยโปรตีน ทั้งยังช่วยขับปัสสาวะ เสมหะ แก้ไอ ลดอาการบวมและอักเสบ
7. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่คุ้นเคยกัน ได้แก่ บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ และราสป์เบอร์รี่ เบอร์รี่เหล่ามักมีใยอาหารสูง และมีวิตามินที่ช่วยบำรุงส่วนต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ บี และซี ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคอย่างหลากหลาย เช่น โรคตาเสื่อม หัวใจ มะเร็ง และไขมันสะสมในตับ นอกจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ของฝรั่งแล้ว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ของไทยก็มีเช่นกัน เช่น ลูกหว้า มะขามป้อม มะยม และตะขบ เป็นต้น
8. แคนตาลูป
แคนตาลูปเป็นผลไม้รสชาติอร่อย หวาน รับประทานง่าย และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างสูง มีสรรพคุณช่วยต้านการอักเสบ ลดความเสื่อมจอประสาทตา โดยเนื้อแคนตาลูปทั้งเนื้อสีเหลืองและสีเขียว น้ำหนัก 100 กรัม หรือประมาณ 4-5 ชิ้นคำ จะมีน้ำตาล 5.8-6.1 กรัม หรือประมาณ 1.5 ช้อนชา
9. มะพร้าว
มะพร้าวเป็นผลไม้ที่มีเอสโตรเจน หรือฮอร์โมนเพศหญิง จึงช่วยบำรุงผิวพรรณ กินเสริมความสวยได้นะสาว ๆ นอกจากนี้น้ำมะพร้าวเองก็มีกลิ่นหอม รสชาติหวานสดชื่น โดยส่วนน้ำมะพร้าวปริมาณ 100 กรัม (ประมาณ 1/3 ผล) จะมีน้ำตาล 1.8 ช้อนชา ส่วนเนื้อมะพร้าว 100 กรัม หรือ 1 ผล มีน้ำตาล 0.7 ช้อนชา
สายลุยเตรียมพร้อมก่อนไป “เดินป่า” อ่านจบรู้เรื่อง