ตร.ชุมพร ยัน สามีภรรยาชาวพัทลุงร้องติดคุกฟรี ถูกจับคดีค้ามนุษย์ตามหมายจับ มีผู้ต้องหา 36 คน

1931
views
จับตามหมายจับ

ชุมพร – ตำรวจชุมพรยืนยันจับตามหมายจับ หลังผัวเมียชาวพัทลุง ร้องยุติธรรมจังหวัด ต้องติกดคุกฟรีกว่าปี หลังศาลยกฟ้องข้อหาค้ามนุษย์ รองผบก.เผย ขบวนการนี้มีทั้งคนไทย ต่างชาติ ผู้ต้องหาตามหมายจับกว่า 30 คน ที่บอกว่าตำรวจเรียกค่าลายเซ็นคืนรถของกลางคันละ 2 หมื่น ก็เข้าใจผิด จริงๆคือการประเมินราคาหลักประกัน

จากกรณี นายภานุสิทธิ์ สังข์ทอง และนางรัชดา บัวแก้ว สองสามีภรรยา ชาวบ้านใน จ.พัทลุง ได้นำหลักฐานร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือต่อสำนักงานยุติธรรมจังหวัดพัทลุง หลังถูกตำรวจ สภ.เมืองชุมพร สนธิกำลังหลายหน่วยงาน จับกุมในความผิด พ.ร.บ.ค้ามนุษย์,พ.ร.บ.คนเข้าเมือง,พ.ร.บ.อาชญากรรมข้ามชาติ,พ.ร.บ.ยาเสพติด และ พ.ร.บ.อั้งยี่ ซ่องโจรและความผิดต่อเสรีภาพ เมื่อเดือนมกราคม ปี 2562 จนถูกคุมขังระหว่างการดำเนินคดีนาน 1 ปี 19 วัน

กระทั่งต่อมาศาลจังหวัดชุมพร พิพากษายกฟ้อง พร้อมมีคำสั่งคืนทรัพย์สินที่ยึดมาทั้งหมด มีรถยนต์ 4 คัน เงินสดและเงินในบัญชีธนาคารอีกจำนวนหนึ่ง แต่ปรากฏว่า ได้คืนไม่ครบ แถมตำรวจยังจะเรียกเงินค่ารับรถยนต์ของกลางคืนคันละ 2 หมื่นบาท ส่วนอีก 2 คัน ตำรวจปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึดไป ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

นายภานุสิทธิ์ สังข์ทอง และนางรัชดา บัวแก้ว

ด้าน พ.ต.อ.ภาณุเดช ณ พัทลุง รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร กล่าวว่าตอนนี้ ทางตำรวจชุมพรยังไม่มีคำพิพากษาที่ศาลยกฟ้องสองสามีภรรยาดังกล่าว จึงยังไม่ทราบในรายละเอียดของคำพิพากษาที่ยกฟ้องว่าเป็นอย่างไร แต่ในส่วนของการดำเนินคดีนี้นั้น ปมเหตุเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 22 ม.ค.62 มีผู้ต้องหาชายรายหนึ่งขับรถยนต์กระบะพลิกคว่ำทำให้มีชาวต่างด้าวเสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 10 ราย บริเวณถนนเอเชีย 41 ตำบลขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร โดยต่างด้าวทั้งหมดสัญชาติเมียนมา เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และตำรวจสามารถจับผู้ต้องชาวไทยซึ่งเป็นคนขับคันดังกล่าวได้ในที่เกิดเหตุ 1 ราย

พ.ต.อ.ภาณุเดช กล่าวว่า ต่อมาได้มีการสืบสวนขยายผลสนธิกำลังร่วมกับตำรวจส่วนกลาง ตำรวจภาค 8 ฝ่ายปกครอง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และทหาร จนสามารถทราบตัวเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ได้ทั้งหมดรวม 36 คน เป็นชาวไทย 17 คน ชาวเมียนมา 19 คน และได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับทุกคน จนติดตามจับกุมผู้ต้องหาคนไทยได้ทั้งหมด ดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระในความผิดหลายกระทง

“ในส่วนของสองสามีภรรยาที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง และพนักงานอัยการไม่ได้อุทธรณ์ภายใน 30 วัน ถือว่าคดีถึงที่สุดแล้วนั้น และได้ไปร้องต่อสำนักงานยุติธรรมจังหวัดพัทลุง ว่าถูกจับโดยไม่ได้ความเป็นธรรมต้องถูกคุมขังระหว่างดำเนินคดีนานกว่า 1 ปี ก็เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องนั้น ยังไม่ทราบในรายละเอียดของคำพิพากษาว่ายกฟ้องคดีใดบ้าง เพราะบางคนถูกดำเนินคดีหลายข้อหา จึงต้องขอตรวจสอบในรายละเอียดอีกครั้ง”

รองผบก.ภ.ชุมพร กล่าวต่อว่าส่วนกรณีที่สองสามีภรรยามารับรถยนต์กระบะของกลางที่ตำรวจยึดมาจำนวน 4 คัน แล้วบอกว่าเมื่อศาลพิพากษายกฟ้อง และได้ไปรับของกลางรถยนต์ถูกตำรวจเรียกรับเงินคันละ 2 หมื่น จำนวน 2 คัน และอีก 2 คันปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึดไปนั้น ความจริงแล้วเป็นการเข้าใจผิดเพราะในวันที่ผู้เสียหายสองสามีภรรยามารับรถยนต์ของกลาง ไม่มีคำสั่งหลักฐานจากอัยการที่ชัดเจนมารับของกลาง แต่ทั้งสองสามีภรรยาต้องการจะนำรถออกไปโดยจะขอใช้หลักทรัพย์ประกันรับรถยนต์ของกลางออกไปก่อน แต่ ผกก.สภ.เมืองชุมพร เห็นว่าเป็นคดีใหญ่ ที่สำคัญเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ระหว่างประเทศ จึงให้พนักงานสอบสวนต้องประเมินราคาทรัพย์สินการค้ำประกันเสียก่อน ซึ่งไม่ได้มีการเรียกรับเงินแต่อย่างไร จึงเป็นการเข้าใจผิด

สามีภรรยาร้องขอความเป็นธรรม

อย่างไรก็ตามอีก 1 วันต่อมา ผู้เสียหายทั้ง 2 คน ได้ไปขอหนังสือจากพนักงานอัยการที่มีคำสั่งให้คืนรถยนต์ของกลางที่ชัดเจนมาแสดง เจ้าหน้าซึ่งตำรวจก็คืนให้ไปตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีปัญหาใด ๆ ส่วนรถยนต์ของกลางอีก 2 คัน ซึ่งไฟแนนซ์มารับคืนไปก่อนแล้วก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของไฟแนนซ์ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ซึ่งก็ต้องไปว่ากันเอง

“ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำไปตามพยานหลักฐาน ผู้ต้องหาทั้งหมดมากกว่า 30 คน มีทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งตำรวจก็ยังต้องเดินข้ามประเทศไปสอบสวนถึงประเทศเมียนมาด้วย และผู้ต้องหาที่จับกุมทั้งหมดได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับทุกคน” พ.ต.อ.ภาณุเดชกล่าว

ขณะที่ นางสาวทรงศิริ มุสิกะ ยุติธรรมจังหวัดชุมพร กล่าวว่ากรณีดังกล่าวทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดพัทลุง ได้ส่งเรื่องต่อมาที่ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ ขั้นตอนต่อไปก็จะต้องตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับคดี และคำพิพากษาว่าเป็นอย่างไร และได้รับผลกระทบจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่อย่างไร โดยจะมีอนุคณะกรรมการระดับจังหวัด และคณะกรรมการระดับส่วนกลาง เป็นผู้พิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขหรือไม่ ที่จะรับสิทธิ์เยียวยาค่าขาดประโยชน์ ค่าทดแทน จากการทำมาหาได้ ระหว่างถูกดำเนินคดี.

ดูต้นฉบับ

 
ถมนคร : คุณค่าที่คู่ควร ถมนคร เครื่องถมเมืองนครศรีธรรมราช
 
SHARE