ถ้ำเขาวังทอง มหัศจรรย์หินน้อยหน่า ที่หาดูที่อื่นไม่ได้ ชมหินเจ้าแม่กวนอิม หินไดโนเสาร์ และหินเจดีย์พระธาตุ อัศจรรย์ประติมากรรมจากธรรมชาติ
ถ้ำเขาวังทอง เป็นถ้ำที่อยู่ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ ตั้งอยู่ในอำเภอขนอม มีความลึกประมาณ 150 เมตร ถ้ำเขาวังทองเป็นถ้ำหินปูนผสมแร่เหล็ก จึงเคยเกิดเหตุการณ์คัดค้านจากชาวบ้านในการทำสัมปทานเหมือง และมีร่องรอยความพยายามทำให้ถ้ำมีความเสื่อมโทรมบ้าง ภายในถ้ำเขาวังทองมีหินงอกหินย้อยที่มีความวิจิตรพิสดารและหลากหลายมาก ตั้งแต่ร่องรอยของธาตุเหล็กซึมทะลุผนังถ้ำมีลวดลายสวยงาม หินงอกรูปร่างแปลกตา อาทิ หินย้อยแบบหลอด หินย้อยรูปร่างโสม หินงอกที่ประกบกับหินย้อยที่ไม่สมบูรณ์เป็นเนื้อเดียวกัน หินที่เป็นไฮไลต์ของถ้ำเขาวังทอง มีอยู่ด้วยกันสามแห่ง ได้แก่ หินเจ้าแม่กวนอิม หินไดโนเสาร์ และหินเจดีย์พระธาตุ นอกจากนั้นภายในถ้ำเขาวังทองยังมีสิ่งที่แปลกประหลาดที่ไม่สามารถพบเห็นได้ง่ายๆก็คือ น้อยหน่าถ้ำ หินทรงกลมที่ผุดมาจากพื้นถ้ำรูปร่างคล้ายลูกหิน
การเดินเยี่ยมชมถ้ำเขาวังทองนั้นเริ่มเดินจากจุดจอดรถขึ้นเขาตามบันได 147 ขั้น โดยมีเจ้าหน้าที่พาเดินเข้าไป จากนั้นจะเห็นช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่ต้องย่อตัวเข้าไป ใช้เวลาเดินชมภายในถ้ำเขาวังทองประมาณ 45 นาที ภายในถ้ำมีแสงไฟสว่างจัดเตรียมไว้ให้แต่ก็ควรนำไฟฉายส่วนตัวเข้าไปด้วย นอกจากนั้นบางช่วงของการเดินภายในถ้ำเขาวังทองต้องมีการมุดและแทรกตัวไปตามจุดต่างๆ จึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่สภาพร่างกายไม่พร้อมสมบูรณ์
ช่วงฤดูฝนเป็นช่วงที่ถ้ำเขาวังทองมีความสวยงามที่สุดเนื่องจากสามารถเห็นน้ำที่ไหลลงมาจากพื้นดินด้านบนไหลลงสู่ภายในถ้ำประหนึ่งสายน้ำตกภายในถ้ำหรือฝนตกในถ้ำ
ความสวยงามของโถงถ้ำเขาวังทอง การเดินถ้ำเขาวังทอง จะแบ่งเป็นจำนวน 17 ห้อง ได้แก่ ห้องพระ ห้องศาลพระภูมิ ห้องธาตุเหล็ก ห้องหินหยดน้ำ ห้องค้างคาว ห้องบันได ห้องท้องพระโรง ห้องหินดนตรี ห้องเจ้าแม่กวนอิม ห้องกลีบบัว ห้องเหว ห้องผ้าม่าน ห้องทำนม ห้องหินเจดีย์ และห้องน้อยหน่า ตลอดทางเดินนักท่องเที่ยวจะได้เห็นความสวยงามของหินงอกหินย้อย สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในถ้ำอาทิ ค้างคาวขนาดจิ๋ว หินงอกบางจุดของถ้ำเขาวังทองเป็นหลอดถ้ำ ซึ่งมีลักษณะเป็นหลอดหยด ดูมีความเปราะบาง หลายๆจุดของถ้ำยังเป็นถ้ำเป็น คือถ้ำที่ยังมีการเจริญเติบโตอยู่ จึงควรเดินเที่ยวด้วยความระมัดระวัง
สิ่งที่น่าสนใจของถ้ำคือบริเวณทางเข้าจะปรากฏร่องรอยประหลาดมีลักษณะเป็นจุดหรือเป็นเส้น เกิดจากธาตุเหล็กที่ซึมตามผนังถ้ำลงมา เกิดเป็นลวดลาย รอบธาตุเหล็กเหล่านี้ หากไปจับโดนเข้าก็จะค่อยๆเปลี่ยนสีไปเป็นสีดำ ตามปฏิกิริยาที่เกิดกับธาตุเหล็ก
ชมประติมากรรมถ้ำสามสิ่ง ประติมากรรมของถ้ำเขาวังทอง ได้แก่ หินเจ้าแม่กวนอิม หินไดโนเสาร์ และหินเจดีย์พระธาตุ ซึ่งมีรูปร่างที่มีความเหมือนจริงมากกว่าประติมากรรมถ้ำอื่นๆที่ต้องอาศัยจินตนาการ โดยหินเจดีย์พระธาตุ เป็นเจดีย์ขนาดเล็ก ช่วงฤดูฝนจะท่วมมิดเจดีย์ยกเว้นที่ยอดเจดีย์ ทำให้พอช่วงฤดูแล้งจะปรากฏให้เห็นหินเจดีย์ที่มียอดเจดีย์โดดเด่น เนื่องจากไม่ได้ถูกกัดเซาะจากน้ำในช่วงฤดูฝนนั่นเอง
ส่วนหินไดโนเสาร์จะปรากฏเป็นรูปได้โนเสาร์ T-rex ในมุมข้าง
หินน้อยหน่า หาชมได้ยากในเมืองไทย
หินน้อยหน่า ในถ้ำวังทองนี้มีความแตกต่างจากไข่มุกถ้ำซึ่งเกิดจากการสะสมตัวของผลึกแคลไซท์บนแกนกลางที่เป็นเม็ดทราย น้อยหน่าถ้ำนี้มีลักษณะเป็นหินก้อนกลมๆเล็กๆ กระจายตัวอยู่ตามพื้นถ้ำและผนังถ้ำ บริเวณที่พบพื้นจะมีลักษณะเป็นหลุมคล้ายเตาขนมครก น้อยหน่าถ้ำเกิดจากการดันตัวมาจากหลุมเหล่านี้ออกมาเป็นก้อนกลมๆ บางก้อนยังติดอยู่คาหลุม ว่ากันว่าหากวางกองกันรุ่งเช้าจะกระจายตัวเหมือนเดิม ในช่วงที่จตุคามกำลังเป็นที่นิยม มีผู้ขโมยน้อยหน่าถ้ำออกไปทำเป็นมวลสารเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวนำออกไปแล้วต้องนำมาคืน เพราะโดนอาถรรพ์ประสบเหตุอุบัติเหตุ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ น้อยหน่าถ้ำที่ถ้ำเขาวังทองนี้ถือเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดและตามข้อมูลที่บอกกล่าวสามารถหาดูได้ที่ถ้ำนี้ที่เดียวเท่านั้น
ในช่วงฤดูฝน น้ำที่ตกมาตามผืนดินด้านบนจะตกลงมาสู่โถงถ้ำ เกิดเป็นน้ำไหลคล้ายน้ำตกภายในถ้ำหรือฝนตกภายในถ้ำ ช่วงนี้ถ้ำเขาวังทองจะมีความสวยงามมาก ตามบริเวณทำนบน้ำหรือน้ำตกถ้ำนักท่องเที่ยวจะได้เห็นน้ำขัง ตามทางเดินบางช่วงต้องลุยเข้าไประดับเอว เห็นน้ำหลากภายในถ้ำ
– rewrite | zthailand.com
วันหยุดแบบนี้ “100 เรื่องเมืองไทย” จะพาเที่ยวถ้ำแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีความสวยงาม และภายในถ้ำยังเต็มไปด้วยสายแร่ชนิดต่างๆ มากมาย รวมทั้งก้อนหินที่มีลักษณะเหมือนผลน้อยหน่าจำนวนมาก | สำนักข่าวไทย อสมท
สายลุยเตรียมพร้อมก่อนไป “เดินป่า” อ่านจบรู้เรื่อง