มหัศจรรย์ “บ่อน้ำจืด”กลางทะเล ไปกราบหลวงปู่ทวดที่…เกาะนุ้ยนอก
ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเดินทางล่องใต้ไปกับคณะกรรมการในโครงการประกวดรางวัลอุตสาหกรรม ท่องเที่ยวไทย Thailand Tourism Awards ซึ่ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดำเนินการมานานกว่า 20 ปี แจกกัน 2 ปีครั้ง ปีนี้เป็นครั้งที่ 10 เป้าหมายหลัก คือ ค้นหาผู้ประกอบการการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพด้านต่างๆ ทั้งการบริหารจัดการ การมีส่วนร่วมของชุมชน สังคมในทุกๆภูมิภาคของประเทศ
เส้นทางหลักๆของการเดินทางครั้งนี้ เลาะเลียบไปตามชายฝั่งทะเลตะวันออก มี สตูล นครศรีธรรมราช และ พัทลุง เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญ
ขนอม…อำเภอเล็กที่สุดของนครศรีธรรมราชที่มีอาณาเขตติดต่อกับสุราษฎร์ธานีแบบ ที่เรียกว่าแค่ก้าวเท้าข้ามจังหวัดกันได้ ยังคงมีเสน่ห์ชวนหลงใหลให้อยากมาเยี่ยมมาเยือน ยิ่งคราวนี้ เราได้ “ลุงแดง” มัคคุเทศก์ที่เป็นมากกว่ามัคคุเทศก์ด้วยเพราะชีวิตและหัวใจของผู้ชายคนนี้ ทุ่มเทให้กับทะเลขนอมและเมืองนครศรีธรรมราช ที่เขาบอกว่าใครจะมาทำร้ายหรือทำลายไม่ได้
เราออกเรือจากท่าเรือขนอม ในวันที่ฟ้าฝนค่อนข้างจะเป็นใจ ผ่านโรงไฟฟ้าขนอม ลุงแดง…เริ่มต้นทำหน้าที่มัคคุเทศก์ ตั้งแต่ท้องเรือเริ่มแตะทะเล
“ทะเล ขนอม มีความสมบูรณ์มาก นั่นจึงเป็นคำตอบว่า ทำไมเราจึงยังพบเห็นปลาโลมาอยู่ที่นี่ ซึ่งนอกจากโลมาแล้ว ขนอมยังมีสัตว์ อีกหลายชนิดที่หาดูที่อื่นได้ยาก อย่างเช่น ค่างแว่น เหยี่ยวแดง อินทรีทะเล ซึ่งถ้าเราโชคดีก็อาจจะได้เห็น”
ท้องทะเลฝั่งอ่าวไทยอาจดูไม่สดใสแจ่มจ้าเท่ากับทะเลฝั่งอันดามัน เหตุผลที่มัคคุเทศก์บอกเรา
ก็ คือ เพราะน้ำจากแม่น้ำเกือบทุกสายไหลลงสู่อ่าวไทยหมด ทะเลที่นี่จึงมีน้ำจืดปนมากกว่าฝั่งอันดามัน นักดำน้ำลึกจะไม่นิยมเลยเพราะน้ำขุ่น แต่ถ้าดำน้ำตื้นๆ ก็พอได้อยู่บ้าง
เรือแล่นผ่านเขตอุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ จุดหมายแรกของเรา คือ อ่าวเตล็ด แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของขนอม นักท่องเที่ยวนิยมมาจอดเรือเพื่อรอดูฝูงปลาโลมาสีชมพู ซึ่งไม่กี่ปีมานี้ ต้องยอมรับว่าโลมา มีจำนวนลดลงเรื่อยๆ จากเดิมที่มีอยู่กว่า 70 ตัว แต่ตอนนี้น่าจะเหลืออยู่ไม่ถึง 50 ตัว
น้องเคน…มัคคุเทศก์จากขนอม ฟิชชิ่ง แอนด์ ทัวร์ เล่าถึงความน่ารักของฝูงโลมาว่า พวกมันอยู่ รวมกันและหากินเป็นฝูง อาหารโปรดของโลมาคือ ปลาเล็กปลาน้อยที่ติดมากับอวนของเรือประมง พวกมันไม่ชอบอาหารที่คนโยนให้ แม้จะเป็นปลาเล็กๆเหมือนกันก็ตาม นี่อาจจะเป็นสัญชาตญาณของความระแวดระวังอย่างหนึ่งที่คล้ายมนุษย์ของปลาโลมา พวกมันจะไม่หิวกระหายอาหารที่มีคนซึ่งไม่คุ้นเคยนำมาให้ เพราะระหว่างชาวประมงกับปลาโลมา พวกเขามีรหัสสัญญาณระหว่างกัน เมื่อโลมาหิว พวกมันจะมาเกาะอวน ขณะที่ชาวประมงจะหยอกล้อกับเหล่าฝูงโลมาที่มาขออาหารด้วยการเคาะหัวมันเล่น เบาๆ เป็นความน่ารักในอีกรูปแบบหนึ่ง
วันนี้เราเจอโลมาประมาณ 5-6 ตัวออกมาว่ายน้ำเล่นอวดโฉม แต่สักพักพวกมันก็หายไป หลังจากเรือนักท่องเที่ยวพยายามไล่ตามฝูงโลมาเพื่อถ่ายรูปพวกมัน แต่สำหรับ ลุงแดง แล้ว เขาบอกว่า ถ้าเป็นเรือที่เขานำเที่ยว จะไม่มีการทำเช่นนั้นเด็ดขาด เราสามารถชื่นชมพวกโลมาในระยะไกลๆก็ได้ เพราะโลมาก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์อื่นๆ เมื่อมันถูกไล่ล่า มันก็จะหนี
และ นี่ก็อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่หลังๆ เมื่อผ่าท้องโลมาที่มาเกยตื้นตายแล้วพบว่า ในท้องของมันมีแต่ขยะ หรือไม่ก็ของมีคมอย่างกระป๋องและเศษแก้ว… มนุษย์นี่ก็โหดร้ายไม่เบาเหมือนกัน
เราเบนหัวเรือออกจากอ่าว เตล็ด…ซึ่งถ้ามองดีๆ จะเห็นว่าเป็นอ่าวรูปเกือกม้า ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีครามเขียว ดูสวยงามไปอีกแบบ จุดหมายต่อไปของเราคือ เกาะนุ้ยนอก เกาะเล็กๆกลางทะเลขนอม เกาะที่มีเรื่องราวของหลวงปู่ทวด หรือสมเด็จเจ้าพะโคะแห่งเมืองนครฯ เป็นที่ที่เชื่อกันว่า “หลวงปู่ทวด” เคยมาเหยียบน้ำทะเลให้กลายเป็นน้ำจืดที่นี่…
ชักตื่นเต้นแล้วละสิ พวกเราต้องลงจากเรือใหญ่เพื่อขึ้นเรือหางยาวลำเล็กๆเข้าไปที่เกาะนุ้ยนอก เนื่องจากรอบเกาะเป็นน้ำตื้น เรือใหญ่เข้าไม่ได้
เมื่อไปถึง ลุงแดง ก็พาพวกเราเข้าไปชม บ่อน้ำจืด กลางทะเล พร้อมกับยื่นแก้ว ใบเล็กๆให้ตักน้ำในบ่อขึ้นมาชิมว่า จืดสมคำร่ำลือหรือไม่ทันที
บ่อน้ำ จืดที่นี่ รูปร่างคล้ายกับรอยเท้า ขนาดกว้างประมาณ 30 นิ้ว เป็นบ่อเล็กๆ แต่ก็ถือว่าเป็นความมหัศจรรย์ที่อยู่ดีๆก็มีน้ำจืดมาให้ดื่มกินกันถึงกลาง ทะเล ถึงจะไม่จืดสนิท แต่ก็พอที่จะดื่มกินได้ ไม่ใช่เค็มปี๋เหมือนน้ำทะเลที่กินไม่ได้
เกาะนุ้ยนอก เป็นเกาะเล็กๆ กลางทะเลในอำเภอขนอมตามความเชื่อ ที่เล่าสืบต่อกันมาเป็นตำนานก็คือ ที่นี่เป็นที่ที่หลวงปู่ทวดได้เคยมาเหยียบน้ำทะเลให้กลายเป็นน้ำจืด เมื่อครั้งที่ท่านเดินทางมากับเรือสำเภาเพื่อไปอยุธยา ระหว่างทาง เรือเกิดขาดแคลนเสบียงและน้ำที่จะใช้ในเรือ คนในเรือเลยคิดจะปล่อยท่านลงที่เกาะนี้ หลวงปู่ทวดท่านทราบโดยญาณว่าท่านจะโดนปล่อยเกาะ ด้วยความที่สำนึกในบุญคุณของคนที่ให้อาศัยโดยสารมากับเรือ ท่านก็เลยอยากจะให้อะไรตอบแทน เลยเดินไปเหยียบน้ำที่หิน แล้วพูดว่า “น้ำทะเลตรงนี้จืดกินได้ให้เอาขึ้นไปบนเรือสำเภาแบ่งกันกิน” ตอนแรกคนในเรือ ไม่เชื่อจึงลองชิมดู ปรากฏว่าจืดจริงๆ เลยก้มลงกราบหลวงปู่และนิมนต์ท่านขึ้นไปบนเรือดังเดิม ต่อมาภายหลังมีผู้สร้างรูปเหมือนของท่านประดิษฐานไว้บนยอดเขาของเกาะนุ้ย มีผู้คนแวะเวียนมาสักการะอยู่ไม่ขาดสาย
ข้างๆรูปเหมือนหลวงปู่ มีรูปปั้นงูใหญ่สีขาว ซึ่งน่าจะมาจากประวัติของหลวงปู่ทวด ที่อ้างอิงสืบต่อกันมาว่า สมัยที่ท่านยังเป็นทารกอยู่นั้น มีงูตระบองสลาตัวใหญ่มาขดพันอยู่รอบเปลไม่ยอมให้ใครเข้ามาใกล้ กระทั่งพ่อแม่ของท่านได้นำข้าวตอกดอกไม้และธูปเทียนมาบูชาสักการะเพราะเชื่อ ว่าน่าจะเป็นงูเทพยดาแปลงมาเพื่อให้เห็นเป็นอัศจรรย์ในบารมีของเด็กน้อย งูใหญ่จึงคลายลำตัวออกจากเปล เลื้อยหายไป ทิ้งดวงแก้วดวงหนึ่งไว้ที่อกของทารก ทำให้ทุกครั้งที่มีการปั้นรูปเหมือนของหลวงปู่ทวด จะต้องมีลูกแก้วอยู่ที่อกของท่านด้วยเช่นเดียวกัน
การไปเกาะนุ้ยนอก ควรไปตั้งแต่เช้าในช่วงที่น้ำทะเลยังไม่ขึ้น เพราะถ้าไปสายๆ อาจจะไม่มีโอกาสได้ชิมน้ำจืด เนื่องจากน้ำทะเลกลบทับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ทุกวันนี้ ความศรัทธาในองค์หลวงปู่ทวดของชาวนครศรีธรรมราชและผู้คนจากทุกสารทิศยังคงมี อยู่ไม่เสื่อมคลาย ชาวประมงแถบนี้มักแวะเวียนมาเอาน้ำในบ่อไปใช้ หรือเวลาที่เกิดคลื่นลมก็จะมาหลบอยู่ที่นี่ เพราะเชื่อว่าหลวงปู่ทวดจะช่วยคุ้มครองให้รอดปลอดภัยได้
เราก้มลงกราบอธิษฐานขอพรหลวงปู่ก่อนหันหัวเรือออกจากเกาะ สะดุดตากับหินรูปร่างคล้ายจระเข้ ที่ลุงแดงบอกว่า มันนอนเฝ้าบ่อน้ำจืด มาชั่วนาตาปี…
เป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่า ทะเล ก็เหมือนชีวิตคนนั่นละ…บางครั้งก็เรียบสนิท แต่บางทีคลื่นลมก็กระหน่ำซ้ำซัด หมุนเวียนอยู่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงวันใด…
ที่มา – http://www.thairath.co.th/content/507642
สายลุยเตรียมพร้อมก่อนไป “เดินป่า” อ่านจบรู้เรื่อง