นครศรีธรรมราช – จนมุมแล้ว “ปอ ปากพูน” 1 ในแก๊งขโมยต้นบอนสีในร้านต้นไม้ชื่อดังนครศรีธรรมราช ตร.เร่งขยายผลตามล่า 2 ผัวเมียเพื่อร่วมแก๊ง พร้อมเตรียมขยายผลหาแหล่งรับซื้อของโจร
วันนี้ (21 ม.ค.) พ.ต.ท.ณัฐภัทร พุทธังกุโร สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการจับกุมตัว นายคำพล พาละสุวรรณ อายุ 30 ปี หรือ “ปอ ปากพูน” ชาวหมู่ 6 ต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งตกเป็นผู้ต้องในคดี “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” โดยหมายจับของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 14/2565 ลงวันที่ 20 มกราคม 2565 จากเหตุการณ์ที่ นายคำพล พร้อมด้วยพรรคพวกได้ร่วมกันตระเวนโจรกรรมบอนสีราคาแพงในร้านต้นไม้ชื่อดังย่านบ้านศาลาบางปู ต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช หลายร้านอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าความเสียหายรวมกันนับล้านบาท โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานสำคัญ
จากนั้นเจ้าหน้าที่สามารถตามรวบตัว นายคำพล หรือปอ ปากพูน ไว้ได้ในสวนมะพร้าวท้องที่หมู่ 6 ต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช และได้คุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช หลังจากถูกคุมตัวเจ้าหน้าที่พบว่า นายคำพล หรือปอ ยังมีอาการเมายาเสพติด และรับว่าได้เสพยาบ้าก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่จับกุม โดยยาบ้าที่เสพได้ซื้อมาจาก น.ส.ผึ้ง ซึ่งเป็นผู้ที่ร่วมกันขโมยต้นบอนสีในร้านต้นไม้ เป็นผู้จำหน่ายให้ แต่ยังภาคเสธว่าไม่ได้ตั้งใจโจรกรรม แต่ น.ส.ผึ้ง และสามีที่ชื่อว่า “บังหลีม” เป็นผู้ว่าจ้างให้ไปช่วยขนย้ายต้นไม้เป็นเงินค่าจ้าง 200 บาท โดยได้ทำมาแล้วหลายครั้ง
ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้นำภาพวงจรปิดที่ปรากฏใบหน้าของ นายคำพล มาให้นายคำพล ดูและลงนามรับว่าเป็นภาพของผู้ต้องหารายนี้จริงเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ส่วนผู้ที่อยู่ในภาพอีก 2 คนยืนยันว่าคือ น.ส.ผึ้ง และบังหลีม (สงวนชื่อจริงยังอยู่ในระหว่างออกหมายจับ) สามีภรรยาที่อาศัยอยู่ในตำบลปากพูน ขณะที่เจ้าหน้าที่รอให้ นายคำพล หรือปอ สร่างจากการเมายาแล้วจะเร่งสอบสวนหาแหล่งรับซื้อ เนื่องจากพบว่ามีการโจรกรรมเป็นจำนวนมาก คาดว่าจะต้องมีแหล่งรับซื้อแน่นอน
ส่วนภาพวงจรปิดที่ปรากฏนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านกร-กันต์พันธุ์ไม้ ริมถนนย่านศาลาบางปู ต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช ปรากฏภาพ นายคำพล และ 2 สามีภรรยาคือ น.ส.ผึ้ง และนายหลีม หรือบังหลีม ได้เข้ามาก่อเหตุเลือกโจรกรรมต้นบอนสี และต้นไม้มงคลหลายรายการอย่างสบายใจ โดยเลือกเอาต้นที่ฟอร์มสวย มีราคาตั้งแต่ต้นละ 200 บาท จนไปถึง 2,500 บาท เฉพาะร้านนี้มีการโจรกกรรมไปกว่า 200 ต้นมูลค่ากว่า 2 แสนบาท
นอกจากนั้น ยังมีร้านต้นไม้ในย่านเดียวกันถูกโจรกรรมต้นไม้และอุปกรณ์ต่างๆ ไปแทบทุกร้าน มูลค่ารวมนับล้านบาท บางรายถึงขั้นหยุดขายต้นไม้หันมาขายกระถางแทน เนื่องจากการขาดทุนจากการถูกโจรกรรมซ้ำซากหลายครั้ง
สายลุยเตรียมพร้อมก่อนไป “เดินป่า” อ่านจบรู้เรื่อง