ปัจจุบันมีอาหารเสริมให้เลือกซื้อหากันมากมายจนเลือกไม่ถูกว่าชนิดไหนกันที่จะเหมาะกับเราแตล่ะชนิดก็มีสูตรส่วนผสมและราคาที่แตกต่างกันไปซึ่งพวกเรากว่าครึ่งที่ไมรู่้แม้กระทั่งว่าอาหารเสริมที่ซื้อมานั้น ให้คุณค่าทางอาหารอย่างที่เราต้องการหรือไม่
วิตามินเป็นสารอาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ โดยทั่วไปคนเราได้รับวิตามินจากอาหารที่เรากินเข้าไปอยู่แล้ว อย่างวิตามินเอ พบได้ในฟักทอง มะละกอ แครอต ผักสีเข้ม ๆ วิตามินบีพบได้ในนม ไข่แดง เนื้อสัตว์ หรือจมูกข้าว วิตามินซี พบมากในผักและผลไม้สด วิตามินอีพบในน้ำมันจมูกข้าวสาลี น้ำมันข้าวโพด น้ำมันมะกอก
ถึงแม้ว่าวิตามินมีอยู่ในอาหารตามธรรมชาติที่เรารับประทานกันเข้าไปเป็นปกติอยู่แล้ว แต่การจะได้รับวิตามินเพียงพอต่อที่ร่างกายต้องการนั้นเราจะต้องกินอาหารชนิดต่าง ๆ ในปริมาณมาก ๆ อาจจะมากเกินที่จะกินไหว ดังนั้น การกินผลิตภัณฑ์วิตามินสำเร็จรูปจึงเป็นทางหนึ่งที่เราจะได้รับวิตามินเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
ส่วนการจะกินวิตามินอย่างไร กินเวลาไหน ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ก่อนอื่นเลยเราจะต้องรู้ว่าวิตามินชนิดนั้นจัดอยู่ในกลุ่มใดจึงจะรู้ว่าควรกินเวลาไหนดีที่สุดวิตามินแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มที่ละลายในน้ำ ได้แก่ วิตามินบี และวิตามินซี วิตามินกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับทุกวัน เพราะวิตามินกลุ่มนี้ละลายในน้ำได้ดี ร่างกายจึงไม่สามารถสะสมวิตามินกลุ่มนี้ได้ แต่ถ้ารับประทานเข้าไปมากเกินที่ร่างกายต้องการก็ไม่ต้องกังวล เพราะร่างกายจะขับออกมาทางปัสสาวะการกินวิตามินบีให้เกิดประสิทธิผลมากที่สุดควรกินในตอนเช้า ตอนที่ท้องว่าง เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินได้ดี และเนื่องด้วยวิตามินบี-6 มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท ลดอาการอ่อนเพลีย ซึ่งอาจรบกวนการนอนหลับ ดังนั้นการกินวิตามินบีในตอนเช้าจึงดีที่สุด
ส่วนวิตามินซี หากคุณเป็นคนสุขภาพดี ทานผักผลไม้สม่ำเสมอ การทานวิตามินซีวันละ 1,000-2,000 มก.ก็เพียงพอ แต่ถ้าเป็นคนสุขภาพไม่ดี ไม่ได้ทานผักผลไม้เป็นประจำ และในภาวะที่เกิดโรคระบาดอย่างในตอนนี้ ร่างกายต้องการภูมิคุ้มกันมากกว่าปกติ ควรกินวันละ 1,000-3,000 กรัม แต่ควรแบ่งกิน 3 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น
แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่จำเป็นต้องกินในปริมาณมากถึงขั้นที่ต้องแบ่งกิน 3 เวลา ถามว่ากินเวลาไหนดีที่สุด คำตอบคือเวลาเช้า เนื่องจากการทานวิตามินซีในตอนเช้าช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจเกิดขึ้นระหว่างวัน อีกเหตุผลคือในระหว่างวันเรามีการขับวิตามินซีออกทางปัสสาวะบ่อยกว่าตอนกลางคืน จึงไม่เสี่ยงต่อการเป็นนิ่วเท่าการทานในตอนเย็นหรือก่อนนอน
นอกจากนั้น มีคำแนะนำว่า ไม่ควรกินวิตามินซีก่อนอาหาร เพราะวิตามินซีจะมีความเป็นกรดอ่อน ๆ ถ้าทานตอนท้องว่างจะทำให้แสบระคายเคืองในท้อง
2.กลุ่มที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามิน เอ, ดี, อี, เค เนื่องจากเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันจึงควรทานหลังอาหารทันที เพื่อให้ไขมันที่กินเข้าไปในมื้ออาหารช่วยละลายวิตามินให้ร่างกายนำไปใช้ได้เต็มที่ วิตามินกลุ่มนี้มีข้อเสียคือ ร่างกายไม่สามารถระบายออกได้ จึงสะสมในร่างกาย และมีผลต่อตับกับสมอง ดังนั้น ก่อนจะกินวิตามินในกลุ่มนี้จึงควรปรึกษาแพทย์ ไม่แนะนำให้ซื้อมากินเอง
มีข้อแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิตามินเอและเค คือ จากรายงานในต่างประเทศบอกว่า หากกินวิตามินเอมากเกินไปจะมีผลต่อตับกับสมอง ทำให้เกิดโรคตับอักเสบและถึงขั้นตับวาย ซึ่งการกินวิตามินเอสังเคราะห์มีโอกาสได้รับอันตรายมากกว่าการได้รับวิตามินเอจากอาหาร เพราะร่างกายจะไม่เปลี่ยนวิตามินเอจากอาหารให้เป็นพิษ
ส่วนวิตามินเค ร่างกายสามารถสร้างเองได้จากแบคทีเรียในลำไส้ ยกเว้น ถ้ากินยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะติดต่อกันนาน ๆ จะทำให้แบคทีเรียในลำไส้ตาย ดังนั้น คุณหมอจะสั่งวิตามินเคเพิ่มให้กับคนกลุ่มนี้
ถ้าเรากินวิตามินได้ถูกต้อง เราก็จะได้ประโยชน์จากวิตามินเต็มที่ ไม่เสียเงินซื้ออย่างเปล่าประโยชน์ อย่างไรก็ตาม คนเราควรกินวิตามินเฉพาะตอนที่ร่างกายขาดวิตามินเท่านั้น ถ้าไม่ขาดไม่ควรกิน เพราะหากกินเยอะเกินที่ร่างกายต้องการ ผลดีที่คาดหวังจะกลายเป็นผลเสียเปล่า ๆ
สายลุยเตรียมพร้อมก่อนไป “เดินป่า” อ่านจบรู้เรื่อง