อึ้ง! พบหนังสือโบราณ ขายในตลาดมืด หลังถูกโจรกรรมจากศูนวัฒนธรรม ม.ราชภัฏนคร

1776
views

พระเถระชั้นผู้ใหญ่นครศรีฯ ตั้งศูนย์รับบิณฑบาตหนังสือสมุดข่อยโบราณกลับคืน หลังถูกโจรกรรมจากศูนวัฒนธรรม ม.ราชภัฏ

ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พระเถระชั้นผู้ใหญ่ประกอบด้วย พระเทพวินยาภรณ์ รองเจ้าคณะภาค 16-17-18 พระราชปริยัติเวที เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายมหานิกาย พระราชวิสุทธิกวี เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมติ ได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์รับบิณบาตคืนหนังสือบุดสมุดข่อยจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายแพทย์บัญชา พงศ์พานิช เป็นผู้ประสานงานในการช่วยเหลือสนับสนุนด้านต่างๆ กับคณะพระเถระ ซึ่งปรากฏว่ามีการโจรกรรมจากศูนวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ไปขายในตลาดมืดจำนวนมาก โดยการขอบิณฑบาตคืนจะไม่มีการสืบสวนเอาผิดใดๆ กับผู้ที่มีเจตนาดีในการนำมาคืนแผ่นดิน เมื่อทราบว่าได้ไปครอบครองไปจากการโจรกรรมจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช

โดยหนังบุดโบราณของนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยราชภัฎได้ขอรับไปศึกษาจากหลายแหล่งเช่นวัดวาอารามต่างๆ ผู้ที่ครอบครองเป็นมรดกตกทอดจากสายตระกูลเก่าแก่ของเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งประกอบไปด้วย พระอภิธรรม คัมภีร์พระมาลัย ตำราสีมากถา ตำราดูฤกษ์ยาม ตำรายา ตำราไทยสันตา ตำรายันต์ พระนิพานโสตร พระศรีธรรมาโศก วรรณกรรมประโลมโลก ซึ่งแต่ละฉบับนั้นมีอายุนับร้อยหรือหลายร้อยปี แต่ปรากฏว่าได้มีการโจรกรรมออกมาจำนวนมากโดยมีการขายอยู่ในตลาดมืด

พระราชปริยัติเวที กล่าวว่า การที่หายไปจากราชภัฏคณะสงฆ์ไม่ได้สนใจรายละเอียด แต่สนใจที่ผู้ครอบครองขอให้ตั้งสติว่าของเหล่านี้เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่มีอยู่ในโลก อย่าได้ทำลายหลักฐานไปทิ้ง ไปทำลาย ขอให้นำมามอบคืนให้กับแผ่นดินนครศรีธรรมราช เพราะนี่คือประวัติศาสตร์ของนครศรีธรรมราชที่หลงเหลืออยู่

พระครูเหมเจติยาภิบาล พระสงฆ์ผู้ศึกษารวบรวมข้อมูลหนังสือบุดสมุดข่อยของนครศรีธรรมราช เปิดเผยข้อมูลว่า ได้ติดตามข้อมูลหลักฐานในสื่อออนไลน์ แล้วมาสืบข่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหนังสือพระมาลัยที่ประกาศขายแล้วเอามาเปรียบเทียบกับภาพข้อมูลเดิม หลังจากนั้นได้ทำหนังสือยื่นไปทางราชภัฏ หลังจากนั้นไปแจ้งความแต่ระยะเวลาทอดยาวมา 3 เดือน เกรงว่าหนังสือที่หายไปคาดว่าหลายร้อยเล่มจะส่งทอดต่อไปหลายมือการสืบสวนตามหลับเป็นไปได้ยาก จึงถือโอกาสขอบิณฑบาตคืนกลับก่อนที่จะหายไปทั้งหมด

นายสุรเชษฐ์ แก้วสกุล สถาปนิกอาสานักวิชาการที่รวบรวมข้อมูลเรื่องนี้พบว่ามีหนับงสือบุดเล่มสำคัญที่หายไปหนึ่งในนั้นคือตำราสีมากถา ที่พบเพียงเล่มเดียวครั้งแรกของภาคใต้ ลักษณะการเขียนการให้สีเป็นช่างฝีมือช่างภาคใต้ แตกต่างกับฉบับของวัดสุทัศน์ ซึ่งน่าเสียดายมาก โดยโชคดีที่มีการบันทึกภาพไว้เมื่อปี 2561 และเมื่อน้ำมาเปรียบเทียบกับที่ปรากฏขายอย่าในตลาดมืด พบว่าตรงกันจนนำไปสู่การสรุปรายงานให้มหาวิทยาลัยราชภัฎไปแจ้งความ

นายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช ผู้ประสานงานเปิดเผยว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากอาจารย์ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ท่านได้นำผู้อำนวยการยูเนโก้มาดู ผู้อำนวยการยูเนสโก้ถึงอับอุทานว่า สังคมไทยที่จังหวัดนี้มีอารยะถึงขนาดนี้เข้าสู่วิถีการอ่านเขียนบันทึกกันขนาดนี้ท่านเป็นชาวฟิลิปปินท่านบอกว่า ที่ประเทศอื่นการอ่านเขียนช้ามาก ถือเป็นความสำคัญมาก เป็นหลักฐานความมั่งคั่งทางภูมิปัญญา

สำหรับศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2538 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ครั้งยังดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเทพรัตราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศูนย์ศิลปวัฒนธรรมอย่างเป็นทางการ โดยแหล่งข้อมูลภายในได้ให้ข้อมูลว่าครั้งนั้นได้ทรงพระราชทานหนังสือโบราณไว้จำนวนหนึ่ง

โดยจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตรวจสอบว่าหนังสือชุดพระราชทานนั้นยังอยู่หรือไม่ ส่วนที่หายไปนั้นยังไม่มีใครทราบจำนวนที่แท้จริงว่าหายไปมากน้อยแค่ไหน แต่มีการเก็บหนังสือโบราณเหล่านี้ไว้ในศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแห่งนี้หลายพันเล่ม จนได้ชื่อว่าเป็นแหล่งหนังสือบุดโบราณที่มากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย หรืออาจจะติดจำนวนมากระดับโลก

ดูข่าวต้นฉบับ

 
ถมนคร : คุณค่าที่คู่ควร ถมนคร เครื่องถมเมืองนครศรีธรรมราช
 
SHARE