หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว พระองค์ได้ประทับเสวยวิมุตติสุขอยู่บริเวณใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นเวลาถึง 7 สัปดาห์ และในขณะที่ทรงนั่งประทับในสัปดาห์ที่ 5 พระองค์ทรงนั่งคำนึงว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้นั้นเป็นของลึกซึ้ง ยากที่คนทั่วไปจะรู้และเข้าใจได้
จึงคิดว่าไม่สมควรที่จะประกาศและเผยแผ่พระธรรม แต่ต่อมาทรงพิจารณาเห็นว่าสัตว์โลกที่สอนได้ยังมีอยู่ เปรียบเสมือนดอกบัว 4 จำพวก ได้แก่
1 – พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว : เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือน “ดอกบัวพ้นน้ำ” เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที (อุคฆฏิตัญญู)
2 – พวกที่มีสติปัญญาดี : เมื่อได้ฟังธรรมและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า เปรียบเสมือน “ดอกบัวปริ่มน้ำ” ซึ่งจะบานในวันถัดไป (วิปจิตัญญู)
3 – พวกที่มีสติปัญญาน้อย : แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ ขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอบด้วยศรัทธา ในที่สุดก็จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในวันข้างหน้า เปรียบเสมือน “ดอกบัวใต้น้ำ” ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง (เนยยะ)
4 – พวกที่ไร้สติปัญญา : แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธา ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือน “ดอกบัวจมในโคลนตม” มีแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน (ปทปรมะ)
สายลุยเตรียมพร้อมก่อนไป “เดินป่า” อ่านจบรู้เรื่อง